วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สำนึกรักบ้านเกิด - วิถีชาวบ้าน

                หลังจากไม่ได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดมาหลายปี  มองดูงานแล้วก็ไม่มีไร เลยตัดสินใจ สำนึกรักบ้านเกิด จัดกระเป๋าเดินทางกลับบ้านซะเลย บ้านที่ต่างจังหวัดก็ไม่ใช่ที่ไหนหรอกนะครับ ร้อยเอ็ดนั่นเอง การเดินทางของผมนี่ก็กลับโดยรถโดยสารประจำทางของบริษัท ประหยัดทัวร์ ระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงร้อยเอ็ดประมาณ 459 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5- 6 ชั่วโมงโดยประมาณ  การเดินทางกลับในครั้งนี้ผมกลับตอนเช้า 07.30  ถึงบ้านก็ประมาณ บ่ายสองนิดๆ
                ไม่ได้กลับบ้านตัวเองซะนาน ดูแล้ววิถีชีวิตที่นี่เปลี่ยนแปลงไปเยอะพอสมควร ในตลาดตัวอำเภอจากไม่มี 7-11 ก็มีเปิด (บ้านเราเจริญแว้ววว)  ตึกรามบ้านช่อง ก็สร้างในแบบสมัยใหม่กัน พอถึงบ้านตามธรรมเนียนไทยๆ ก็ต้องเข้าไปกราบสวัสดีพ่อกับแม่  มองดูใบหน้ายิ้มแย้มและแววตาท่านดีใจและมีความสุขที่ลูกชายที่ไปทำงานที่เมืองกรุงหลายปี กลับบ้านมาเยี่ยมเยือนท่าน
การนึ่งข้าวแบบบ้านๆ

                ที่บ้านของผมการดำเนินชีวิตก็ยังเป็นเหมือนสมัยเก่า คือบ้านญาติๆก็จะอยู่รายล้อมกัน ตอนเช้าๆตื่นมาก็จะหุงหาอาหารทำกับข้าว มีไรก็แบ่งกันไปกิน  ไม่อยากบอกว่าที่บ้านผมนี่ยังใช้ฝืนในการหุงหาอาหารนะครับ เป็นไรที่วิถีชาวบ้านชนบทจริงๆ ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่มีไรที่ฟู่ฟ่า หรูหรา แต่บรรยากาศมันอบอุ่นและมีความสุขจริงๆครับ
                                                             พ่อรดน้ำพืชผักสวนครัว

                ตอนเย็นๆ หลังจากญาติๆ ไปทำงานก็กลับมารวมตัวกันบริเวณหลังบ้านผม ออกกำลังกายกัน  การออกกำลังกายก็ง่ายๆครับ ฮูลาฮูบ นี่เอง ดูแต่ละคนนี่มืออาชีพจริงๆเลยครับ งิงิ  สนุกสนานกัน ซึ่งภาพแบบนี้จะหาดูไม่ได้แน่ๆในเมืองกรุง 
                                                                       
                การกลับบ้านครั้งนี้ทำให้ผมไม่อยากกลับมากรุงเทพฯ เลยครับ เพราะมันมีความรู้สึกอบอุ่นมาก แต่ด้วยภาระหน้าที่และการงานจำเป็นที่จะต้องมา เพื่อนๆคนไหนที่ไม่ค่อยได้กลับบ้านไปเจอพ่อแม่ และครอบครัว ก็อย่าลืมหาเวลาว่างไปเยี่ยมท่านๆและเขาเหล่านั้นนะครับ  อย่าลืมบ้านเกิดของเราและพวกเขายังรอเรากลับไปเยี่ยม
                                                                โป๊ยเซียนหน้าบ้าน

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เสม็ดวิลล่า รีสอร์ท - เกาะเสม็ด ตอนที่2 ดำน้ำดูปะการัง - ชมกระซังปลา

                ผ่านไป 1 คืนสำหรับการเที่ยวเกาะเสม็ด วันนี้ตื่นแต่เช้า (หรือเปล่า) มองดูนาฬิกาก็ 9 โมงเช้ากว่าๆ ก็ต้องปลุกเพื่อนๆ ลงไปยังห้องอาหารของรีสอร์ท เพื่อรับประทานอาหารเช้า  มื้อเช้าวันนี้ ดังภาพเลยครับ ฮอทดอก แฮม  เบคอน  ขอบอกว่าอาหารเช้าของที่นี่ อร่อยจริงๆครับ เพื่อนๆคนไหน ว่างๆก็แวะไปพักผ่อนได้นะครับ
                หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็รอเรือมารับไปดำน้ำดูปะการัง เมื่อได้เวลาแล้วเรือก็มารับ ไปยังจุดหมายปลายทาง แต่สภาพอากาศวันนี้ดูไม่เป็นใจเท่าไหร่ เนื่องจากมีคลื่นและแสงแดดน้อยมากเลย เป้าหมายของเราก็อยู่ที่ เกาะกุฏี อุทยานแห่งชาติเขาแหลม
                                                                              นางแบบประจำทริป*_*
                พอถึงจุดหมายแล้วเจ้าหน้าที่ประจำเรือก็ให้ใส่ชูชีพ เพื่อความปลอดภัยครับ จากนั้นก็ตูมทันที กระโดดลงจากเรือ เพื่อดำน้ำปะการัง การดำน้ำดูปะการังจะเป็นแบบดำน้ำตื้นครับ หรือที่เรียกว่า Snorkeling พอดำน้ำลงไปดู ก็เป็นดังคาดครับ  จะมองเห็นปะการังน้อยมากเนื่องจากวันนี้แสงแดดน้อยและมีคลื่น ทำให้น้ำขุ่น เลยได้ภาพปะการังไม่สวยเท่าไหร่ มาฝากเพื่อนๆ
                                              ปะการังที่เกาะกุฏีถ่ายจาก Olympus Tought 8000


                                                       ปะการังแปลกๆเหมือนไข่เลย
                หลังจากดำผุดดำว่ายดูปะการังสักพัก เจ้าหน้าที่เรือก็เรียกให้ขึ้น เพื่อไปเยี่ยมชมการเลี้ยงปลาในกระซัง  ระยะทางจากเกาะกุฏี มาที่บ่อเลี้ยงปลาในกระซังก็ใช้เวลาไม่นานนัก ที่นี่ก็จะมีปลาหลากหลายพันธุ์ แต่ที่น่าเสียใจคือ แบตกล้องหมดครับ เลยได้ภาพปลา มาฝากนิดเดียวเองครับ  ทริปหน้าคงจะต้องมาหน้าร้อนซะแล้ว จะได้ดำน้ำในช่วงที่แดดแรง เพื่อวิสัยทัศน์ในการมองเห็นปะการังที่สวยงาม
                                              ภัทร ที่รัก PK โชว์กินอาหารปลา @^_^@

                เพื่อนคนไหนว่างๆ ก็เจอกันได้นะครับ ที่เกาะเสม็ด เพื่อชมปะการังและฝากเตือนเพื่อนๆ ด้วยนะครับ ระหว่างที่ดำนั้น อย่าไปเหยียบแนวปะการังนะครับ เพราะอาจทำให้ปะการังหักและตายได้  เที่ยวอย่างสนุก และอนุรักษ์ กันไว้เพื่อหลงเหลือไว้ให้ลูกหลานของเราในอนาคต
ภาพที่ขาดไม่ได้บนเกาะ *_*

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

3 วัน 2 คืน เสม็ดวิลล่า รีสอร์ท - เกาะเสม็ด ตอนที่1

                กริ๊งๆๆๆๆ เสียงนาฬิกาปลุกดังกระหึ่มข้างๆหู  งัวเงีย ขยี้ตามองนาฬิกา อ้าว ตี4ครึ่งแล้วนี่หว่า จำใจต้องรีบลุกจากเตียง เข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวให้ทันเวลา เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ มีนัดลัลล้ากับแก๊งค์หมูกระทะ  ท่องเที่ยวเกาะเสม็ดนั่นเอง  ในทริปนี้ 3วัน 2 คืน เพื่อนสมาชิกที่ไปด้วย 8 คนด้วยกัน ประกอบด้วย ตัวข้าพเจ้าเองป๋าประจำทริป งิงิ  เสี่ยนัท เสี่ยโส เพื่อนบอล น้องภัทร PK  สุดเลิฟ สุดท้ายกับผู้หมวดหมูคนสวย *-*
แก๊งค์หมูกระทะ


                6 โมงนิดๆ ก็ถึงสถานีขนส่งเอกมัย เยส ข้าพเจ้ามาถึงเป็นคนแรก ส่วนคนสุดท้าย คือ เพื่อนบอล สงสัยมาช้าเพราะแบกน้ำหนักมากเกินไปนี่เอง เมื่อมาครบกันแล้วก็จัดจองซื้อตั๋วเดินทาง ทันที เพื่อให้ไปถึงบ้านเพ ก่อนเที่ยง เนื่องจากนัดเรือที่รีสอร์ทให้มารับ ทริปนี่เราทั้งหมดจะพักกันที่เสม็ดวิลล่า รีสอร์ท ซึ่งได้โทรจองไว้เรียบร้อยแล้ว  ระหว่างการเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงบ้านเพ นี่ก็มีภาพเพื่อนสมาชิกมาฝาก งิงิ  อย่างที่เห็นครับ  ไม่รู้ง่วงกันมาจากไหน
                เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่สุด โอ้วเย่ 11 โมงกว่าๆก็ถึงซะทีบ้านเพ ขนกระเป๋าลงจากรถทัวร์เสร็จแล้ว ก็ต้องโทรเช็คที่รีสอร์ท ว่าเรือมารับหรือยัง ในการข้ามไปยังเกาะเสม็ดนี้ถ้าไม่มีเรือจากรีสอร์ทมารับก็จะมีเรือข้ามไปเหมือนกันครับ แต่จะเป็นเที่ยวๆ เนื่องจากว่าทริปนี้ไปกันหลายคนเลยติตต่อรีสอร์ทให้เอาสปีดโบ๊ทมารับ จะได้สะดวกสบายกันหน่อย 
                                                                รอเรือมารับ

                เมื่อเรือมาถึง ก็หนุ่มๆขนกระเป๋าลงเรือ สาวๆ สบายจริงๆ ใช้เวลานั่งเรือจากฝั่งไปถึงเกาะประมาณ 20 นาที  เย้ๆ ถึงแล้วเกาะเสม็ด หาดทรายละเอียดสีขาว สวยงาม น้ำทะเลใส  แต่ต้องอดใจไว้เพราะต้องเก็บสำภาระเข้าห้องซะก่อนครับพี่น้อง T_T  ทริปนี้จองไว้ 2 ห้องใหญ่ แบ่งเป็นหญิง 1 ห้อง ชาย 1 ห้อง เพื่อป้องกันคำครหา (แมนสุดๆ) กิกิ
                                                               สาวๆบนสปีดโบ๊ท

                บรรยากาศภายในรีสอร์ทสวยงาม ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ แบบว่าไม่ผิดหวังจริงๆ ในที่พักก็ โอเค เหมาะสมกับราคาครับ หลังจากเก็บของกันแล้วก็ หลับครับ เหนื่อย จริงๆ  รู้สึกตัวอีกทีก็เย็นแล้ว ได้เวลาลงเล่นน้ำทะเลแล้ว  ขอบอกว่า เกาะเสม็ดนี่มากี่ทีๆ ก็ไม่เบื่อครับ หาดทรายน่าเล่น น้ำทะเลก็ใส เหลือเกิน วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะครับ ขอตัวไปเล่นน้ำทะเลก่อน  เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเล่า ทริปของวันที่สอง ในการไปดำน้ำดูปะการัง และการเลี้ยงปลาในกระซังกันครับ






รวมภาพวันแรกบนเกาะเสม็ด
                                                                         

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เที่ยวสวนสนุก Super Giant Tour 2011


                        วันนี้ฝนตกทั้งวันเลย บรรยากาศแทบจะไม่อยากลุกออกจากเตียงซะเลย จะไปเที่ยวไหนก็ไปไม่ได้ คิดแล้วเศร้า  เลยไม่รู้จะเอาไรมาเขียนดี กิกิ  แต่นะ ไหนๆก็ตื่นมาแล้ว ก็เลยอยากเอาภาพการไปเที่ยวสวนสนุก Super Giant มาฝากกัน
                สวนสนุก Super Giant นี่ก็มาทัวร์เมืองไทยเราเป็นครั้งแรก งานก็จัดตรงริมทะเลสาบเมืองทองธานี ผมจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน มีสวนสนุกยักษ์ที่มาจัดที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว รู้สึกจะชื่อว่า Coca Cola World Carnival  ในครั้งนั้นรู้สึกว่าจะทำให้ผมต้องกินข้าวกับมาม่าไปหลายเดือนเลยทีเดียว เนื่องจากต้องพาคุณแฟนไปเที่ยวทุกอาทิตย์ แล้วงานเขาจัดอยู่หลายเดือนมาก สรุป กระเป๋าแบน T_T  ปีนี้ก็เลยอยากไปดูซะหน่อยว่า Super Giant จะยิ่งใหญ่เท่าหรือเปล่า
                                                                        ออนเดอะแก๊งค์@^_^@
                รอบนี้มากับเพื่อนๆครับ (โสดบางเวลา) ถึงที่งานก็ประมาณเกือบ 2 ทุ่ม จัดแจงซื้อตั๋วก็เข้าสู่งาน ลักษณะงานก็ไม่แตกต่างจากของ Coca Cola World สักเท่าไหร่ ภายในงานก็ดูคึกคัก  เด็กๆวัยรุ่น ต่างสนุกสนานไปกับเครื่องเล่นนานาชนิด  มีซุ้มเครื่องเล่นรับของรางวัลเยอะแยะดี เหมาะสำหรับเผาพลาญเงินในกระเป๋าเป็นอย่างมาก
                เครื่องเล่นแต่ละอย่างก็ชวนหวาดเสียวดีแท้ ไอ้เรามันเป็นพวกขี้กลัวซะด้วยซิ ที่เล่นได้ก็คงมีแต่ชิงช้าสวรรค์แหละครับพี่น้อง แต่อย่าว่าเลยชิงช้ามันสูงมาก พอขึ้นไปค้างอยู่บนสุดนี่ แทบหัวใจวายครับ แต่ไงก็ยังกลั้นใจกดชัตเตอร์ถ่ายภาพมาได้ @^_^@
                                                    ชิงช้าสวรรค์ในงาน
               
                  สรุป งานนี้ไปประมาณเกือบสองทุ่ม เวลากลับน่าจะ 5ทุ่มได้ครับพี่น้อง เปิดกระเป๋าตังค์ดู เอ่อ  หายไปไหนหว่าพันกว่าบาท งงกะชีวิตจริงๆครับ เพื่อนๆคนไหนอยากรู้ว่าเงินมันหายไปได้ไง ลองดูนะครับถ้ามีสวนสนุกแบบนี้มาจัด ต้องไปให้ได้แล้วท่านจะรู้ว่า ตังค์ในกระเป๋ามันหายไปโดยไม่รู้ตัวจริงๆ ไม่ได้โม้ *-*
                                                               คู่แรดอิอิ

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันแห่งความทรงจำ - เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร


                หลายคนคงมีวันที่ประทับใจและมีความสุขใช่ไหมครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีวันประทับใจเช่นกัน  วันที่ว่านี้จะเป็นวันไหนไม่ได้ เพราะมันคือวันเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร  ความรู้สึกคืนก่อนวันรับจริงนั้น นอนไม่หลับเลยแหละครับ ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง มาอาบน้ำแต่งตัว กว่าจะทำไรเสร็จก็ปาเข้าไป 6โมงกว่าแล้ว ช้าอยู่ใยรีบโบกแท็กซี่ ไปยังสวนอัมพรในทันที
                มาถึงที่สวนอัมพรก็น่าจะประมาณ 7 โมงนิดๆ อากาศยังไม่ร้อนเท่าไหร่ ผู้คนก็เต็มที่ลานพระบรมรูปทรงม้าแล้ว คลาคล่ำไปด้วยบัณฑิตและญาติๆของบัณฑิต วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่และน้องก็มาร่วมงานด้วย แต่ให้ท่านมาตอนรับเสร็จ  ลงจากรถแท็กซี่ก็รีบโทรหาเพื่อนๆ มาถ่ายรูปกันซะหน่อย เสียดายตรงนี้ที่ภาพเก่าๆหาไม่เจอ T_T
          เวลาประมาณ 7.30 ก็เข้าแถวและโดนเข้ายังหอประชุมเพื่อรอรับเสด็จและเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ในปีนี้พระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิต  ความรู้สึกตอนที่เดินขึ้นไปรับพระราชทานปริญญาบัตรนี่ ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี ตื่นเต้นมาก จำได้แค่เพียงว่า รู้สึกตัวอีกทีคือ ใบปริญญาบัตรนั้นมาแนบอยู่ที่อกแล้ว  ไม่ใช่ไรหรอกครับ กลัวทำร่วงตอนที่หยิบจากพระแท่น *-*
                ประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆก็เสร็จขั้นตอนในการรับพระราชทานปริญญาบัตร และออกจากห้องประชุม แต่พออกจากห้องประชุมได้แค่นั้นล่ะครับ แม่เจ้า อากาศร้อนมากๆ แบบว่าไม่มีเมฆสักก้อนเลย พอหาคุณพ่อคุณแม่เจอแล้ว ก็ถ่ายรูปกันหน่อย เป็นธรรมดาของบัณฑิต จริงไหมครับ วันนี้มีความสุขมากและประทับใจจริงๆ ยิ่งเห็นร้อยยิ้มของคุณพ่อคุณแม่แล้ว รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว แล้วเพื่อนๆล่ะครับ มีวันไหนที่ประทับใจกันบ้าง

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ทำบุญวันเข้าพรรษา

                หลังจากห่างหายไปหลายวันที่ไม่ได้เขียน blog  มาวันนี้ก็ได้เอาบุญมาฝากเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆครับ เนื่องจากวันเข้าพรรษาที่ผ่านมา ได้พาคุณพ่อคุณแม่ไปทำบุญที่เกาะเกร็ด จ.นนทบุรีครับ  การเดินทางไปครั้งนี้ก็ไปวันเสาร์ที่ 16 ก.ค.2554  ประมาณ 9โมงเช้าก็นั่งเรือข้ามฝากจากวัดสนามเหนือ ไปยังเกาะเกร็ด ค่าโดยสารข้ามไปยังฝั่งเกาะเกร็ดนี่ก็คนละ 2 บาทเองครับ  บรรยากาศวันนี้แจ่มใสดีมาก ระหว่างเรืออยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ต้องกดชัตเตอร์ เก็บภาพของปราสาทไม้ห้ายอดมาฝากกัน

                จุดแรกที่เรือข้ามฝากมาถึงนี่ก็คือวัดปรมัยยิกาวาส หรือวัดปากอ่าว วัดนี้ก็มีสิ่งที่น่าชมหลายอย่างเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นปราสาทไม้ห้ายอด ที่เคยเป็นที่ตั้งเหม หรือโลงศพมอญ ของอดีตเจ้าอาวาส  พระวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์  ด้านหลังพระอุโบสถ ก็จะมีพระมหารามัญเจดีย์ ซึ่งจำลองแบบมาจากเจดีย์ ชเวดากองของพม่า
                เมื่อถึงฝั่งวัดปรมัยยิกาวาสแล้วก็พาคุณพ่อคุณแม่ ให้อาหารปลาที่หน้าวัด ดูจากภาพก็น่าจะเห็นนะครับว่าปลามากแค่ไหน *-*  หลังจากให้อาหารปลาเสร็จแล้วก็พาคุณพ่อคุณแม่ ไปถ่ายรูปขำๆ ซะหน่อย คนแก่น่ารักไปอีกแบบ


                                  
                ปีนี้แม่บอกว่าต้องได้สักการะพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ก็เลยพาคุณแม่เข้าไปสักการะในวิหารของวัดปรมัยยิกาวาส องค์พระช่างสวยงามจริงๆ  สักการะพระพุทธรูปปางไสยาสน์เสร็จแล้วก็พาคุณแม่เดินเที่ยวชมเกาะเกร็ดไปเรื่อยๆ จนมาถึงวัดไผ่ล้อม ถ่ายรูปกันซะหน่อย แล้วก็เข้าไปทำบุญอีก 1 วัด  บนเกาะเกร็ดนี้จะมีวัดอยู่มากมายเลยทีเดียว แบบว่าใครที่ชอบทำบุญแล้วมาที่นี่ที่เดียวไม่เสียเที่ยวแน่นอน

                ทำบุญที่วัดไผ่ล้อมเสร็จแล้วก็เดินชมข้าวของที่ ชาวเกาะเกร็ดวางขายตามทางเดือนไปเรื่อยๆ ของทุกอย่างล้วนเป็นฝีมืออันประณีตของชุมชนชาวเกาะเกร็ดจริงๆครับพี่น้อง
                เดินมาเรื่อยๆ อ้าวเจอวัดอีกแล้ว วัดนี้ก็คือวัดเสาธงทองครับ พลาดไม่ได้จะต้องเข้าไปทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเองและครอบครัว ทำบุญเสร็จแล้ว แม่ก็เริ่มบ่นว่าเมื่อยขาแล้ว ประจวบเหมาะกับอากาศเริ่มร้อน ก็เลยพาคุณแม่กลับ เอาเป็นว่าเข้าพรรษาปีนี้อิ่มบุญจริงๆครับ     
          
       

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ชิวชิว สวนรถไฟ

                วันนี้บรรยากาศแจ่มใส อากาศไม่ร้อน มองดูท้องฟ้าแล้วเมฆบางตาฝนคงไม่ตกแน่ๆ บรรยากาศดีๆแบบนี้ต้องไปเที่ยวสถานที่ร่มรื่น สบายๆในเขตกรุงเทพฯ  และแล้วก็นึกได้ว่า ในกรุงเทพฯของเราก็มีสถานที่ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้อยู่แห่งหนึ่ง นั่นก็คือ สวนรถไฟ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ สวนวชิรเบญจทัศ
                แต่การจะไปเที่ยวทั้งที มันต้องมีนางแบบไปด้วยจริงไหมครับ เพราะจะให้ถ่ายแค่ภาพทิวทัศน์เฉยๆ มันก็คงจะขาดไรไปสักอย่างเป็นแน่ ว่าแล้วก็มองดูนางแบบส่วนตัวที่ยังหลับสบายอยู่เลย ขณะที่เวลาก็เที่ยงกว่าๆเข้าไปแล้ว นอนกินบ้านกินเมืองจริงๆนางแบบคนนี้  หลังจากใช้เวลาปลุก (ไม่ปล้ำนะจ๊ะ) นางแบบก็บ่นหิวๆๆๆ  เห้อ นอนตื่นสายยังจะกินจุอีก อีกไม่กี่ปีสงสัยจากนางแบบจะไปเป็นอย่างอื่นซะแล้วซิ งิงิ  เพื่อไม่ให้นางแบบอารมณ์หงุดหงิด ก็เลยต้องพาไปทานอาหารซะหน่อย สุดท้ายก็จบลงที่  ฮาจิบัง ราเมน บะหมี่หมายเลข 8 ที่เอสพลานาด รัชดา ไม่รู้ว่าเขาหิวโหยมาจากไหนเนี่ย คนเดียว 2 ชาม T_T
                หลังจากอิ่มท้องแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปยังสวนรถไฟ ซะที *-*    สถานที่ตั้งของสวนรถไฟก็จะอยู่ใกล้ๆกับสวนจตุจักร ติดกับสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ นี่เอง ใช้เวลาเดินทางจากเอสพลานาด มายังสวนรถไฟประมาณ 20 นาที ได้
                พอเข้ามาในสวน ก็จะเจอผู้คนมากหน้าหลายตา มีทั้งเด็ก วัยรุ่น และผู้สูงอายุครับ จุดมุ่งหมายของผู้คนเหล่านี้น่าจะมีเป้าหมายเดียวกัน คือ พักผ่อน และออกกำลังกาย คงไม่ได้มาชุมนุมประท้วงใครเป็นแน่ ^___^     ภายในสวนรถไฟแห่งนี้ ก็มีจุดสำคัญๆ หลายจุดนะครับ ประกอบไปด้วย
                1. สวนปิกนิก  ตรงจุดนี้จะมีบึงน้ำ และมีบริการให้เช่าเรือพายเล่น จะเปิดบริการ 7.00 – 21.00 น.  ใจจริงอยากจะพายเล่นอยู่ แต่นางแบบดันว่ายน้ำไม่เป็น อดไปตามระเบียบ
                2. ลานกีฬา  ตรงนี้ก็จะมีสนามฟุตซอล และสนามฟุตบอล อุปกรณ์ฟิตเนส เปิดบริการ 10.00 – 18.00 น.
                3. อุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพฯ  ตรงจุดนี้จะเป็นตัวอาคารรูปโดม ภายในจะแสดง นิทรรศการ และกรงผีเสื้อแบบ Walk in
                4. สวนนันทนาการชุมชนสวนรถไฟ – ให้บริการด้านกิจกรรมนันทนาการรูปแบบต่างๆ เปิดบริการ 06.00 – 20.00 น.
                สวนรถไฟแห่งนี้พื้นที่กว้างมาก จะให้เดินรอบ ๆคงไม่ไหวแน่ๆ สำหรับวัยรุ่น (เหลือน้อย) อย่างเรา มันต้องหาเครื่องทุ่นแรง เครื่องทุ่นแรงนี้ไม่ใช่อื่นไกลครับ จักรยานนี่เอง  ซึ่งภายในสวนรถไฟจะมีร้านสำหรับให้เช่าไปปั่นชมทิวทัศน์ รอบๆสวนรถไฟ สนนราคาก็ 20 บาทต่อคัน  บนพื้นถนนรอบๆสวนรถไฟก็จะมีการตีเส้นช่องทางปั่นจักรยานไว้เป็นอย่างดี  ไม่ต้องกลัวจะปั่นผิดเส้นทางครับ
                เมื่อเลือกจักรยานคู่ชีพได้แล้ว ก็พร้อมลุย  ปั่นไป พร้อมกดชัตเตอร์ นางแบบไป  บรรยากาศที่นี่ ร่มรื่นเย็นสบายดีมากๆ  เหมาะสำหรับ ใครที่เบื่อหน่ายรถติด เครียดๆจากการทำงาน ก็แวะมาพักผ่อนหย่อนใจ ได้นะครับ 
                สถานที่ที่ชอบมากก็จะเห็นเป็นบึงดอกบัวครับ ได้บรรยากาศลูกทุ่งๆ  ยังไงไม่รู้ นั่งริมบึงมองดูดอกบัวแล้ว เหมือนเราไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯยังไงยังงั้น ถ้าไม่เชื่อ ต้องลองไปดูครับ สวนรถไฟกรุงเทพฯ

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผลการเลือกตั้ง 2554 อย่างไม่เป็นทางการ

                หลังจาก เมื่อวานนี้ได้ไปทำการใช้สิทธิ์เลือกตั้งมาแล้ว ตกเย็นก็ต้องรีบเปิดทีวีเพื่อติดตามข่าวผลการเลือกตั้งทันที แบบว่าทำตัวเป็นคอการเมืองซะงั้น  15.00 น. เป็นเวลาที่หมดการใช้สิทธิ์ หรือที่เรียกว่าปิดหีบนั่นเอง ผลโพลจากสำนักต่างๆก็ออกมาทันที 
                แต่ละโพลต่างให้ทางพรรคเพื่อไทยชนะ ประชาธิปัตย์ขาดลอยมาก บางโพลให้เพื่อไทย ได้ถึง 300 กว่าที่นั่ง อันส่งผลให้ตัวผมเองต้องทะเลาะกับ ผ.บ.ท.บ. (ผู้บังคับบัญชาที่บ้าน *_*) ทันที ด้วยเพราะคิดว่ามันไม่น่าจะชนะกันขาดลอยขนาดนั้น ส่วนผมก็ต้องเออออไปกะเขาไม่งั้น คงไม่ได้อยู่บ้านแน่ๆ
                หลังจากการนับคะแนนผ่านไปเรื่อยๆก็เริ่มเห็นความชัดเจนว่าเพื่อไทยชนะแน่นอนแล้ว สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่ไม่ได้ขาดลอยเหมือนอย่างผลโพลที่ออกมา ทำให้นึกคิดไปว่า โพลต่างๆที่ทำออกมานี้มันเชื่อได้ขนาดไหน หลักการที่ใช้ในการวิเคราะห์นั้นถูกต้องจริงหรือ
                ตอนนี้เราก็มาดูผลการเลือกตั้ง 2554 อย่างไม่เป็นทางการกันนะครับ พรรคที่ได้อันดับที่ 1 คือ พรรคเพื่อไทย ได้ สส. รวมทั้งสิ้น 265 ที่นั่ง  อันดับที่ 2 พรรคประชาธิปัตย์  ได้ สส. 160 ที่นั่ง อันดับที่ 3 พรรคภูมิใจไทย ได้ สส. 34 ที่นั่ง อันดับที่ 4 พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ สส. 19 ที่นั่ง  ส่วนพรรคอื่นๆ ก็ดูได้จากรูปภาพได้เลยนะครับ ต้องขอขอบคุณเว็บไซต์ sanook.com ด้วยนะครับสำหรับภาพผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการในครั้งนี้



                     ได้รับทราบจำนวนว่าที่ สส. ที่แต่ละพรรคการเมืองได้แล้ว เราก็มาดูจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในครั้งนี้ ปี 2545 กันนะครับว่ามากน้อยแค่ไหน ข้อมูลนี้ได้มาจากเว็บไซต์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ณ วันที่ 4 ก.ค. 2554  ข้อมูลดังต่อไปนี้



               จากผลอย่างไม่เป็นทางการ ก็น่าจะคาดเดาได้ว่าพรรคที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก็คือ พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นคนไทยคนนึง ก็หวังว่ารัฐบาลชุดนี้คงจะสามารถนำพาความปรองดองมาสู่ประเทศไทยของเราได้ และแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน เพราะตอนนี้ข้าวของมันแพงเหลือเกินนะคร๊าบพี่น้อง @^_^@